Working: 24 hours/7 days
บอร์ด ความรัก,ค้นหาเพชรจากกองพลอยลัทธิอนุตตรธรรม ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย มารคัสค้นหาเพชรจากกองพลอย : ลัทธิอนุตตรธรรม///////กว่าจะได้ "กรรมฐานนักรบแห่งแสง" ออกมาถ่ายทอดให้แก่ผู้ที่มีบุญสัมพันธ์กัน ผมต้องแสวงธรรมแบบ "ค้นหาเพชรจากกองพลอย" อย่างเอาเป็นเอาตายมาก่อนก่อนอื่นต้องขอออกตัวว่า วิธีการ "รีดพิษ" จากงูเอามาทำเซรุ่มในทางธรรมแบบนี้ ...ไม่เหมาะกับคนที่ปัญญาอินทรีย์ไม่แก่กล้าไม่เหมาะกับคนที่ใจไม่เปิดกว้างและไม่เหมาะกับผู้ที่ชั่วโมงบินในการปฏิบัติธรรมยังไม่มากพอบอกตามตรงว่า ตัวผมไม่ได้สนใจลัทธิอนุตตรธรรมในเชิงองค์กรและคำสอนเลยนะ เพราะดูแล้วคล้ายลัทธิธรรมกายฉบับไต้หวันมากกว่าแต่ที่ผมสนใจจริงๆในลัทธิอนุตตรธรรมบางเสี้ยว คือ ประสบการณ์ในการภาวนาขั้นสูงของธรรมาจารย์รุ่นบุกเบิกของลัทธิอนุตตรธรรม ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน ซึ่งแต่เดิมคือแนวทางการบำเพ็ญเป็นเซียนด้วย "วิถีฟ้า" หรือเซียน 'เทียนเต้า' (天道) ที่คนทั่วไปเรียกว่า 'ลัทธิบัวขาว' มากกว่าในนิยายกำลังภายในของหวงอี้เรื่อง "จอมคนแผ่นดินเดือด" ก็มีกล่าวถึงนักพรตเต๋าที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ชื่อซุนเอิน ผู้ก่อตั้งแนวทางเซียนเทียนเต้าและเรียกตัวเองว่าเป็นเทียนซือ (天師) หรือศาสดาฟ้าหรือปรมาจารย์ฟ้าประสบการณ์ทางจิตวิญญาณในการภาวนาของเหล่าเทียนซือหรือปรมาจารย์ฟ้าในสายเซียนเทียนเต้านี่แหละ ที่ผมสนใจเพื่อเอามาเทียบเคียงกับประสบการณ์ในการภาวนาช่วงหลังๆของตัวผมเองโดยส่วนตัว ผมคิดว่ามันมีคุณค่าให้ใส่ใจอย่างยิ่งไม่ว่าในเชิงเต๋าหรือในเชิงเซน เพราะผมสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านี้ได้เป็นท่อนๆในธรรมบรรยายบางตอนของลัทธิอนุตตรธรรมขณะที่ความเชื่อเรื่องไตรรัตน์ของอนุตตรธรรม (อีก้วนเต้า 一貫道 ) นั้น ... จริงๆคำๆนี้ควรแปลตามตัวอักษรว่า "เอกธรรมมรรค" มากกว่า แต่พอมาเมืองไทยอีก้วนเต้ากลับรู้จักแพร่หลายในชื่อของอนุตตรธรรมผมยอมรับในเรื่องความสำคัญและความจำเป็นของการเปิดญาณทวาร (ตาที่สาม) ด้วยตัวผู้บำเพ็ญเองมิใช่ให้คนอื่นเปิดให้แบบของอนุตตรธรรมเพราะคำสอนเร้นลับจากจิตศักดิ์สิทธิ์จะผ่านเข้ามาทางญาณทวารนี้เสมอส่วนเรื่องเคล็ดลับคาถา(สัจจคาถา)ก็เช่นกัน ผมยอมรับในความสำคัญของการใช้การสาธยายมนตราระหว่างการเจริญสมาธิภาวนา เพื่อพัฒนาจิตในช่วงที่ยังเป็นทางผ่านของจิตแต่ผมไม่เห็นด้วยกับการเจาะจงว่า คาถา "อู๋ไท่ฝอหมีเล่อ"ของอนุตตรธรรมเท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะผมมีความเห็นว่าคาถาหรือมนตราควรเป็นรสนิยมความชอบส่วนตัวของผู้นั้นเหมือนกับบทเพลงมนตราคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนๆนั้นจึงควรเป็นมนตราคาถาที่ผู้นั้นชื่นชอบมากที่สุด และรักที่จะใช้ในการภาวนาที่สุดโดยไม่รู้เบื่อหน่ายเพราะมีแต่แบบนี้เท่านั้นวาจาศักดิ์สิทธิ์จึงจะเกิดขึ้นได้จริงสุดท้าย "ที่สุดของมนตรา" คือมนตราที่ไร้มนตรา นั่นเองส่วนมุทราหรือลัญจกร (手印) คือสัญลักษณ์แห่งกายศักดิ์สิทธิ์ในแนวทางคำสอนเร้นลับ (密教)อยู่แล้ว มิใช่เป็นเรื่องที่มีเฉพาะในลัทธิอนุตตรธรรมเท่านั้นผมคิดว่าแนวทางคำสอนดั้งเดิมของเซียนเทียนเต้านั้นทรงพลังจริงแบบเดียวกับแนวทางคำสอนเร้นลับของวัชรยาน เพราะมันเป็นกระบวนการฝึกฝนตนแบบ "สามศักดิ์สิทธิ์"คือ จิตศักดิ์สิทธิ์ วาจาศักดิ์สิทธิ์ และกายศักดิ์สิทธิ์แต่มันเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับปัจเจกพุทธะหรือปัจเจกโพธิสัตว์เท่านั้นไม่เหมาะกับการเอาไปเผยแพร่เป็น ศาสนาของมหาชนเพราะเมื่อไรที่เอาแนวทางนี้ไปปรับใช้เพื่อเผยแผ่สู่มหาชนในวงกว้าง มันจะกลายเป็น "ลัทธิอันตราย" ที่ทำให้ผู้คนงมงายอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากชะตากรรมของลัทธิอนุตตรธรรม และลัทธิธรรมกายก็เป็นแบบนี้ในการแสวงหาแก่นธรรมที่แท้จริงนั้น การค้นหาเพชรจากกองพลอยจึงเป็นทางผ่านที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนก้าวไปสู่ขั้นการหลอมเพชรจากเถ้าถ่านธุลี... จนกระทั่งได้ กรรมฐานนักรบแห่งแสง ออกมาในที่สุดคนเราขาดศาสนาได้ก็จริงถ้าเขาเป็นเอทิสต์ แต่ไม่ควรขาดปัญญาในเรื่องจิตเพียงแต่ในยุคก่อนทันสมัย ปัญญาทางจิตทั้งหลายล้วนดำรงอยู่ในศาสนาทั้งสิ้น ...ดังนั้นจึงเป็นเรื่องหาเพชรจากกองพลอยมากกว่า การปฏิเสธกองแร่ตรงหน้าทั้งหมดสุวินัย ภรณวลัย